- นับเป็นความร่วมมือระหว่างประเทศ โดยอาศัยความเชี่ยวชาญและผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายของ สเตลแลนทิส เพื่อขยายการเติบโตทางธุรกิจ พร้อมนำเสนอเทคโนโลยีล้ำสมัย ในราคาที่เหมาะสมออกสู่ตลาดโลก
- ลีปมอเตอร์ คือ หนึ่งในผู้พัฒนาเทคโนโลยีสำหรับรถยนต์พลังงานใหม่ (NEV-new energy vehicles) ของจีนที่มีการเติบโตเร็วที่สุด ผสานแนวทางดำเนินธุรกิจที่โดดเด่น พร้อมศักยภาพในการวิจัย พัฒนา และผลิตด้วยตนเองแบบครบวงจร- สเตลแลนทิส คือ หนึ่งในผู้ให้บริการด้านโมบิลิตี้อันดับต้นๆ ของโลก และเป็นหนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์คุณภาพดี ที่สามารถทำกำไรได้สูงสุด
- สเตลแลนทิส จะได้รับประโยชน์จากระบบนิเวศของเทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้าของ ลีปมอเตอร์ ในประเทศจีน นำไปสู่การพิชิตเป้าหมายด้านรถไฟฟ้า ‘Dare Forward 2030’ พร้อมแสวงหาช่องทางในการขยายความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง
- การลงทุนครั้งนี้ส่งผลให้ สเตลแลนทิส เป็นหุ้นส่วนรายใหญ่ของ ลีปมอเตอร์ คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 20% และมี 2 ผู้บริหารดำรงตำแหน่งกรรมการบริหารอยู่ในองค์กร
สเตลแลนทิส และ ลีปมอเตอร์ ร่วมกันประกาศว่าทาง สเตลแลนทิส มีแผนจัดสรรงบประมาณกว่า 58,000 ล้านบาท เพื่อเป็นหุ้นส่วนรายใหญ่ของ ลีปมอเตอร์ คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 20% พร้อมจัดตั้งบริษัทร่วมทุน ‘ลีปมอเตอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล’ (Leapmotor International) ที่แบ่งสัดส่วนในการถือหุ้น 51/49% โดย สเตลแลนทิส และ ลีปมอเตอร์ ตามลำดับ เอื้อประโยชน์ในการสามารถผลิต, ส่งออก รวมถึงจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของ ลีปมอเตอร์ นอกประเทศจีน ซึ่งนับเป็นการร่วมมือกันครั้งแรก ระหว่างผู้ผลิตรถยนต์ชั้นแนวหน้า และผู้นำด้านเทคโนโลยีสำหรับรถยนต์พลังงานใหม่ จากประเทศจีน พร้อมเป้าหมายในการเพิ่มยอดขายให้กับ ลีปมอเตอร์ ในจีน ซึ่งเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก รวมถึงการก้าวสู่เวทีโลก เพื่อเพิ่มยอดขายในภูมิภาคต่างๆ โดยเริ่มจากยุโรปเป็นอันดับแรก ขณะเดียวกัน สเตลแลนทิสก็หวังพึ่งพาระบบนิเวศด้านรถไฟฟ้าอันล้ำสมัย ในราคาที่เหมาะสม ของ ลีปมอเตอร์ ในจีนเพื่อก้าวสู่เป้าหมายด้านรถยนต์ไฟฟ้า (Dare Forward 2030) ควบคู่กับศักยภาพในการขยายความร่วมมือทางธุรกิจ เพื่อสร้างความได้เปรียบอย่างต่อเนื่อง โดยคาดการณ์ว่าจะเริ่มการจัดส่งสินค้าต่างๆ ในช่วงครึ่งหลังของปี 2567
ทั้ง 2 องค์กร มีความเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่า รถยนต์ไฟฟ้าของ ลีปมอเตอร์ จะช่วยส่งเสริมเทคโนโลยี รวมถึงแบรนด์รถยนต์ระดับไอคอนในเครือ สเตลแลนทิส และนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับโมบิลิตี้ให้กับลูกค้าทั่วโลก ในราคาที่สามารถจับต้องได้ง่ายขึ้น โดยที่สเตลแลนทิส จะส่ง 2 ผู้บริหารร่วมดำรงตำแหน่งกรรมการบริหารของ ลีปมอเตอร์และจะประกาศการแต่งตั้งประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัท ลีปมอเตอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล ต่อไปในอนาคต
คาร์ลอส ทาวาเรส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สเตลแลนทิส กล่าวว่า “ข้อมูลที่เราได้รับแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศจีน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ลีปมอเตอร์ ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ายุคใหม่ ที่มีความยืดหยุ่นและปรับตัวได้เร็ว จะสามารถครองตลาดรถยนต์กลุ่มแมสในประเทศจีนได้อย่างไม่ยาก และเราก็มองว่าเป็นจังหวะเหมาะสม ในการรับบทบาทผู้นำ เพื่อสนับสนุนการเติบโตของ ลีปมอเตอร์ ไปสู่ตลาดโลก เนื่องจากเป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ายุคใหม่ ที่มีแนวคิดในการดำเนินธุรกิจที่สอดคล้องกับเรา คือ การมุ่งพัฒนาเทคโนโลยีแห่งอนาคต ซึ่งการร่วมมือกันดังกล่าว เสมือนเป็นส่วนที่จะมาเติมเต็มช่องว่างของโมเดลธุรกิจ อีกทั้งยังได้ประโยชน์จากความแข็งแกร่งของ ลีปมอเตอร์ ทั้งในจีนและบนเวทีโลกผมขอขอบคุณ มร. ชูว์ เจียงมิง และทีมงานของทั้ง 2 องค์กร สำหรับความทุ่มเทในการสรรสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ให้กับพวกเราทุกคน”
มร. ชูว์ เจียงหมิงประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้ก่อตั้ง ลีปมอเตอร์ กล่าวว่า “วันนี้นับเป็นอีกก้าวแห่งความสำเร็จในประวัติศาสตร์ของ ลีปมอเตอร์ และรู้สึกตื่นเต้นที่ได้ร่วมฉลองช่วงเวลาสำคัญ กับ มร. ทาวาเรส และทีมงาน โดยทาง ลีปมอเตอร์ เป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่มีคุณภาพดีที่สุดในรถกลุ่มเดียวกัน ภายใต้ราคาที่เหมาะสม ผ่านการพัฒนาด้วยเทคโนโลยีและเครื่องมืออันทันสมัย ภายในองค์กรของเราเองซึ่งผมเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่า การร่วมมือกันครั้งนี้ จะส่งผลดีต่อทั้ง 2 องค์กร โดยเรามุ่งมั่นในการพัฒนาเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง เพื่อนำเสนอรถยนต์ไฟฟ้าที่ผลิตโดย ลีปมอเตอร์ สู่ลูกค้าในตลาดโลก”
ลีปมอเตอร์ ทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในกลุ่มลูกค้าระดับกลางถึงระดับบน ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีอัตราการเติบโตสูงสุดในจีน โดยทางบริษัทฯ ส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้ามากกว่า 110,000 คันในปี 2565ส่งผลให้เป็นหนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าอันดับต้นๆ ของประเทศ พร้อมคาดการณ์ว่าอีก 3 ปีข้างหน้า บริษัทฯ จะมีรถยนต์ไฟฟ้าที่ครอบคลุมทุกเซกเมนท์ (A ถึง E)โดยใช้พื้นฐานจากสถาปัตยกรรมล้ำสมัย สู่ 3 แพลตฟอร์มที่มีความยืดหยุ่น ครอบคลุมทั้งรถยนต์ไฟฟ้า 100% และรถยนต์ประเภทไฮบริด ส่งผลให้สามารถปรับตัวให้เหมาะสมกับความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างรวดเร็วอีกทั้งยังเป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายแรกของโลก ที่นำเทคโนโลยีการติดตั้งแบตเตอรี่เข้ากับโครงสร้างตัวถัง (Cell-to-Chassis) มาใช้กับรถยนต์ในสายการผลิต
สเตลแลนทิส ก่อตั้งช่วงปี 2564 ทว่ามีประสบการณ์มานานกว่าหนึ่งศตวรรษ กับ 14 แบรนด์รถยนต์ระดับโลกในเครือฯ และอีก 2 ธุรกิจโมบิลิตี้ โดยมีเป้าหมายในการเป็นผู้ให้บริการด้านโมบิลิตี้ ในราคาที่เหมาะสม ปลอดภัย และไร้มลพิษ ในกว่า 30 ประเทศ กับฐานลูกค้าที่มีในกว่า 130 กลุ่มตลาด ซึ่งช่วงปี 2565 ทางบริษัทฯ ส่งมอบรถยนต์มากกว่า 6 ล้านคัน ทำรายได้รวมกว่า 6.94 ล้านล้านบาท และทำกำไร 649,600 ล้านบาท
ครึ่งแรกของปี 2566 บริษัทฯ มีรายได้รวม 3.80 ล้านล้านบาท และมีกำไร 421,446 ล้านบาท คิดเป็นรายรับสูงสุดจากการบริหารงาน (AOI-Adjusted Operating Income) ที่ 14.4% ของอุตสาหกรรมทั้งหมด โดยทาง สเตลแลนทิส มีการลงทุนกว่า 1.93 ล้านล้านบาท ในการดำเนินธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้าอีก 10 ปีข้างหน้า เพื่อพิชิตเป้าหมาย ‘Dare Forward 2030’ ด้วยสัดส่วนการตลาดรถยนต์ไฟฟ้าส่วนบุคคลในยุโรป 100% และ 50% ของสัดส่วนรถยนต์ไฟฟ้าส่วนบุคคลและรถปิกอัพไฟฟ้าในสหรัฐอเมริกาภายในปี 2573 ซึ่งการไปให้ถึงเป้าหมายดังกล่าว ทางบริษัทฯ ได้จัดเตรียมแบตเตอรี่ไว้มากกว่า 400 กิ๊กกะวัตต์ชั่วโมง ผ่านการสนับสนุนของ 6 โรงงานผู้ผลิตแบตเตอรี่ในอเมริกาเหนือและยุโรป พร้อมก้าวสู่การเป็นองค์กรที่มีมลพิษเป็นศูนย์ ภายในปี 2581
ความแข็งแกร่งของทั้งสององค์กร สามารถเพิ่มความหลากหลายในพอร์ตโฟลิโอของรถยนต์
ในเครือฯ อย่างมีนัย ส่งผลดีต่อลูกค้า รวมไปถึงเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้แทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ นำไปสู่การเติบโตร่วมกันอย่างยั่งยืน
ทั้ง 2 องค์กร มีความเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่า รถยนต์ไฟฟ้าของ ลีปมอเตอร์ จะช่วยส่งเสริมเทคโนโลยี รวมถึงแบรนด์รถยนต์ระดับไอคอนในเครือ สเตลแลนทิส และนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับโมบิลิตี้ให้กับลูกค้าทั่วโลก ในราคาที่สามารถจับต้องได้ง่ายขึ้น โดยที่สเตลแลนทิส จะส่ง 2 ผู้บริหารร่วมดำรงตำแหน่งกรรมการบริหารของ ลีปมอเตอร์และจะประกาศการแต่งตั้งประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัท ลีปมอเตอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล ต่อไปในอนาคต
คาร์ลอส ทาวาเรส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สเตลแลนทิส กล่าวว่า “ข้อมูลที่เราได้รับแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศจีน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ลีปมอเตอร์ ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ายุคใหม่ ที่มีความยืดหยุ่นและปรับตัวได้เร็ว จะสามารถครองตลาดรถยนต์กลุ่มแมสในประเทศจีนได้อย่างไม่ยาก และเราก็มองว่าเป็นจังหวะเหมาะสม ในการรับบทบาทผู้นำ เพื่อสนับสนุนการเติบโตของ ลีปมอเตอร์ ไปสู่ตลาดโลก เนื่องจากเป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ายุคใหม่ ที่มีแนวคิดในการดำเนินธุรกิจที่สอดคล้องกับเรา คือ การมุ่งพัฒนาเทคโนโลยีแห่งอนาคต ซึ่งการร่วมมือกันดังกล่าว เสมือนเป็นส่วนที่จะมาเติมเต็มช่องว่างของโมเดลธุรกิจ อีกทั้งยังได้ประโยชน์จากความแข็งแกร่งของ ลีปมอเตอร์ ทั้งในจีนและบนเวทีโลกผมขอขอบคุณ มร. ชูว์ เจียงมิง และทีมงานของทั้ง 2 องค์กร สำหรับความทุ่มเทในการสรรสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ให้กับพวกเราทุกคน”
มร. ชูว์ เจียงหมิงประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้ก่อตั้ง ลีปมอเตอร์ กล่าวว่า “วันนี้นับเป็นอีกก้าวแห่งความสำเร็จในประวัติศาสตร์ของ ลีปมอเตอร์ และรู้สึกตื่นเต้นที่ได้ร่วมฉลองช่วงเวลาสำคัญ กับ มร. ทาวาเรส และทีมงาน โดยทาง ลีปมอเตอร์ เป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่มีคุณภาพดีที่สุดในรถกลุ่มเดียวกัน ภายใต้ราคาที่เหมาะสม ผ่านการพัฒนาด้วยเทคโนโลยีและเครื่องมืออันทันสมัย ภายในองค์กรของเราเองซึ่งผมเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่า การร่วมมือกันครั้งนี้ จะส่งผลดีต่อทั้ง 2 องค์กร โดยเรามุ่งมั่นในการพัฒนาเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง เพื่อนำเสนอรถยนต์ไฟฟ้าที่ผลิตโดย ลีปมอเตอร์ สู่ลูกค้าในตลาดโลก”
ลีปมอเตอร์ ทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในกลุ่มลูกค้าระดับกลางถึงระดับบน ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีอัตราการเติบโตสูงสุดในจีน โดยทางบริษัทฯ ส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้ามากกว่า 110,000 คันในปี 2565ส่งผลให้เป็นหนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าอันดับต้นๆ ของประเทศ พร้อมคาดการณ์ว่าอีก 3 ปีข้างหน้า บริษัทฯ จะมีรถยนต์ไฟฟ้าที่ครอบคลุมทุกเซกเมนท์ (A ถึง E)โดยใช้พื้นฐานจากสถาปัตยกรรมล้ำสมัย สู่ 3 แพลตฟอร์มที่มีความยืดหยุ่น ครอบคลุมทั้งรถยนต์ไฟฟ้า 100% และรถยนต์ประเภทไฮบริด ส่งผลให้สามารถปรับตัวให้เหมาะสมกับความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างรวดเร็วอีกทั้งยังเป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายแรกของโลก ที่นำเทคโนโลยีการติดตั้งแบตเตอรี่เข้ากับโครงสร้างตัวถัง (Cell-to-Chassis) มาใช้กับรถยนต์ในสายการผลิต
สเตลแลนทิส ก่อตั้งช่วงปี 2564 ทว่ามีประสบการณ์มานานกว่าหนึ่งศตวรรษ กับ 14 แบรนด์รถยนต์ระดับโลกในเครือฯ และอีก 2 ธุรกิจโมบิลิตี้ โดยมีเป้าหมายในการเป็นผู้ให้บริการด้านโมบิลิตี้ ในราคาที่เหมาะสม ปลอดภัย และไร้มลพิษ ในกว่า 30 ประเทศ กับฐานลูกค้าที่มีในกว่า 130 กลุ่มตลาด ซึ่งช่วงปี 2565 ทางบริษัทฯ ส่งมอบรถยนต์มากกว่า 6 ล้านคัน ทำรายได้รวมกว่า 6.94 ล้านล้านบาท และทำกำไร 649,600 ล้านบาท
ครึ่งแรกของปี 2566 บริษัทฯ มีรายได้รวม 3.80 ล้านล้านบาท และมีกำไร 421,446 ล้านบาท คิดเป็นรายรับสูงสุดจากการบริหารงาน (AOI-Adjusted Operating Income) ที่ 14.4% ของอุตสาหกรรมทั้งหมด โดยทาง สเตลแลนทิส มีการลงทุนกว่า 1.93 ล้านล้านบาท ในการดำเนินธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้าอีก 10 ปีข้างหน้า เพื่อพิชิตเป้าหมาย ‘Dare Forward 2030’ ด้วยสัดส่วนการตลาดรถยนต์ไฟฟ้าส่วนบุคคลในยุโรป 100% และ 50% ของสัดส่วนรถยนต์ไฟฟ้าส่วนบุคคลและรถปิกอัพไฟฟ้าในสหรัฐอเมริกาภายในปี 2573 ซึ่งการไปให้ถึงเป้าหมายดังกล่าว ทางบริษัทฯ ได้จัดเตรียมแบตเตอรี่ไว้มากกว่า 400 กิ๊กกะวัตต์ชั่วโมง ผ่านการสนับสนุนของ 6 โรงงานผู้ผลิตแบตเตอรี่ในอเมริกาเหนือและยุโรป พร้อมก้าวสู่การเป็นองค์กรที่มีมลพิษเป็นศูนย์ ภายในปี 2581
ความแข็งแกร่งของทั้งสององค์กร สามารถเพิ่มความหลากหลายในพอร์ตโฟลิโอของรถยนต์
ในเครือฯ อย่างมีนัย ส่งผลดีต่อลูกค้า รวมไปถึงเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้แทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ นำไปสู่การเติบโตร่วมกันอย่างยั่งยืน
COMMENTS