เมื่อวันที่ 17-20 ตุลาคมที่ผ่านมา ตลอดทั้ง 4 วัน เหล่าสื่อมวลชน 4 กลุ่ม ได้ไปทดสอบรถยนต์ไฟฟ้า ORA Good Cat และเทคโนโลยีการขับขี่อัจฉริยะต่าง ๆ ในสนามทดสอบรถระบบปิด (Test Track) บริเวณ ORA Good Cat Fun Park ณ อิมแพ็ค เลคไซด์ เมืองทองธานี ก่อนที่จะได้ทดลองขับ ORA Good Cat บนเส้นทางถนนจริง เพื่อทดสอบความแม่นยำของระบบพวงมาลัย การตอบสนองของคันเร่งและการขับเคลื่อนจากระบบไฟฟ้า รวมไปถึงทดลองใช้งานอุปกรณ์อำนวยความสะดวกและเทคโนโลยีการขับขี่อันล้ำสมัยอื่น ๆ เพิ่มเติม ตลอดระยะทางไป - กลับ กรุงเทพฯ - พระนครศรีอยุธยา (กลุ่มที่ 4) รวมกว่า 135.7 กิโลเมตร และปิดท้ายด้วยการทำกิจกรรม ORA Good Cat Challenge เพื่อนำรถยนต์ไฟฟ้า ORA Good Cat ขับขี่ผ่านด่านต่าง ๆ ที่สร้างความท้าทายและความสนุนสนานให้กับสื่อมวลชน
ORA Good Cat เป็นรถยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบ (Battery Electric Vehicle : BEV) จากแบรนด์ ORA ซึ่งเป็นแบรนด์ที่สองที่ เกรท วอลล์ มอเตอร์ นำเข้ามาทำตลาดในประเทศไทย ด้วยเป้าหมายที่จะให้เป็น ‘Game Changer’ ในการเข้ามาผลิกโฉมวงการยานยนต์ของเมืองไทยให้คึกคักและมีความน่าสนใจยิ่งขึ้น โดย ORA Good Cat ได้รับการออกแบบและสร้างสรรค์ด้วยเทคโนโลยีอันล้ำสมัยโดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญจากหลากหลายประเทศทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น เยอรมนี ออสเตรีย สหรัฐเอมริกา ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ โดดเด่นยืนหนึ่งในด้านความเป็นแฟชั่นนิสต้า พร้อมดึงดูดทุกสายตาด้วยรูปลักษณ์โค้งมนสไตล์ Retro Futuristic พร้อมด้วยแพลตฟอร์ม GWM E LEMON แพลตฟอร์มโมดูล่าอัจฉริยะที่มีความยืดหยุ่น น้ำหนักเบา เปี่ยมไปด้วยสมรรถนะและความปลอดภัยขั้นสูง ซึ่งผสานกันได้อย่างลงตัวกับเทคโนโลยีการขับชี่ที่จัดเต็มทั้งสมรรถนะและฟังก์ชั่นการใช้งาน พร้อมตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายได้เป็นอย่างดี
สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า ORA Good Cat ที่นำมาให้สื่อมวลชนได้ทดสอบสมรรถนะในครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 2 รุ่น ได้แก่ Good Cat 400 Pro ใช้แบตเตอรี่ชนิดลิเธียมไอออนฟอสเฟต (LFP) ความจุ 47.788 kWh และระยะทางวิ่งสูงสุด 400 กิโลเมตร กับอีกรุ่นคือ Good Cat 500 Ultra ใช้แบตเตอรี่ชนิดลิเธียม Ternary (NMC) ความจุ 63.139 kWh ระยะทางวิ่งสูงสุด 500 กิโลเมตร
ผลการทดสอบขับ
ค่าเฉลี่ยของ Good Cat 400 Pro จากกลุ่มสื่อมวลชนที่ทดสอบขับจริง พบว่าอัตราการใช้พลังงานไฟฟ้าอยู่ที่ 0.16-0.19kWh/km เมื่อขับด้วยความเร็ว 100-120km โดยเน้นทำความเร็วและเร่งแซงตลอดทาง หน้าจอแจ้งว่าระยะทางที่จะวิ่งได้สูงสุดอยู่ที่ 270-288km
ส่วนการขับในเมืองที่ความเร็วช่วง 30-90km/h วิ่งได้ไกลสุด 340km อัตราการใช้พลังงานไฟฟ้าอยู่ที่ 0.14kWh/km แต่ในการใช้งานจริง ก็มีทั้งขับนอกเมืองและในเมือง คาดว่า Good Cat 400 Pro น่าจะขับได้ไกลเฉลี่ย 300-315km
อัตราเร่ง 0-100km/h อยู่ที่เกือบ 9 วินาทีโดยประมาณ เร่งแซงสนุกตามสไตล์ EV ขับแซงรถบัสหรือรถพ่วงได้สบาย ๆ ไม่ต้องลุ้นกันเหนื่อยแบบรถเครื่องยนต์สันดาป ตามข้อมูลที่ได้มา มีการล็อกความเร็วไว้ไม่ให้เกิน 152km/h แต่ก็ยังสามารถเร่งสุดเพิ่มได้อีกนิด และแน่นอนว่าตรงตามที่หลายสำนักได้รีวิวไปแล้ว บ่นตรงกันเรื่องเสียงลมปะทะเมื่อขับด้วยความเร็วสูง
ห้องโดยสารทั้งตอนหน้าและตอนหลัง ถือว่ากว้างมาก ค่อนข้างโปร่ง มีหลังคาซันรูฟเปิดรับแสงเข้ามา ยิ่งทำให้ดูกว้างไม่อึดอัด Leg Room สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง ถือว่าเยอะ พื้นห้องโดยสารเกือบเรียบสนิท พื้นที่เหนือศีรษะยังเหลืออีกหนึ่งกำปั้น มีช่องชาร์จ USB-A เสียบชาร์จให้ด้วย
วัสดุและการตกแต่งด้วยหนังเทียมในหลาย ๆ จุด ทำได้ดีน่าพอใจ ดูทันสมัย จอภาพทรงยาวที่บอกข้อมูลได้ครบถ้วน เน้นการสั่งงานบนหน้าจอเพื่อลดการใช้ปุ่มหรือสวิตช์จริง วัสดุและความแน่นหนา โดยรวมถือว่าทำได้ดี เนี๊ยบพอตัว ดีกว่าหลายรุ่นในตลาด แต่ยังไม่เทียบเท่า Mazda ที่ต้องยกให้เป็นต้นแบบอันดับหนึ่ง
พวงมาลัยมีระยะฟรีเล็กน้อย ไม่ได้คมเท่าไรนัก เน้นขับสบายสำหรับทุกคนทั้งขับในเมืองและขับทางไกลระหว่างจังหวัด มีระบบ Adaptive Cruise Control และระบบรักษาให้รถอยู่ในเลน พร้อมทั้งรักษาระยะห่างจากรถคันหน้า แค่นี้ก็ทำให้การขับรถทางไกลข้ามจังหวัดหรือบนทางด่วน เป็นเรื่องสบาย ๆ แล้ว
ระบบถอยจอดอัตโนมัติทั้ง 3 รูปแบบ ทำงานได้ดีตามที่หวัง กล้องรอบคันและกล้องกะระยะถอย พร้อมบอกองศาพวงมาลัย มีความชัดเจน ดูง่าย ก็ทำให้จอดเองได้ง่าย
ช่วงล่าง ถือว่าแข็งกระด้างไปหน่อย ประสิทธิภาพในการเกาะถนน อยู่ในเกณฑ์ปานกลาง ใกล้เคียงกับ Nissan Note ซึ่งคนละสไตล์กับ Haval H6 ที่อ่อนนุ่มย้วยไปหน่อย คาดว่าในอนาคตจะมีการปรับจูนให้ดีขึ้นมาตั้งแต่โรงงานในล็อตถัดไป
เครื่องเสียงและลำโพง ยังไม่มีอะไรโดดเด่นนัก เน้นเสียงกลาง ไม่ค่อยมีเสียงเบสและเสียงย่านแหลมให้ได้ยินสักเท่าไร ไม่ต้องเปิดใช้งานดีกว่า ส่วนรายละเอียดอื่น ๆ ที่ยังขาด ไว้รอทดสอบขับเดี่ยวแบบยาว ๆ กันอีกครั้ง
COMMENTS