โตชิฮิเดะ อาโนะ ประธาน บริษัท ฮุนได มอเตอร์ (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวว่า อุตสาหกรรมยานยนต์ของประเทศไทยในช่วงครึ่งปีแรกมียอดขายเติบโตที่ดี ซึ่งน่าจะเป็นผลต่อเนื่องมาจากปีที่แล้ว ทำให้เราเห็นอัตราการเติบโตในหน่วยสองหลัก อย่างไรก็ตาม ด้วยดูเหมือนว่าความเชื่อมั่นของผู้บริโภคได้ลดน้อยลง แต่เราก็หวังว่าสถานการณ์จะเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น ดังนั้นเราก็น่าจะเห็นยอดขายรวมเติบโตเพิ่มขึ้นเมื่อจบปีนี้
"ถึงแม้ว่าตลาดอุตสาหกรรมในปีนี้จะไม่คึกคักเท่าปีที่ผ่านมา แต่เมื่อดูจากยอดขายของรถยนต์บางกลุ่ม จะเห็นว่าตลาดรถยนต์อเนกประสงค์ขนาดใหญ่เติบโตขึ้นถึง 13 % ในขณะที่ยอดขายรวมของ ฮันเด นับตั้งแต่ต้นปีจนถึงเดือนตุลาคมเติบโตเพิ่มขึ้น 10 % เมื่อเทียบกับปีก่อน และเพื่อที่จะทำให้เราเติบโตต่อเนื่องต่อไป เราก็จะต้องสร้างความตื่นเต้น เพื่อเป็นการกระตุ้นตลาด และยอดขาย"
งานปีนี้ บริษัทฯ นำรถยนต์ ฮันเด กแรนด์ สตาเรกซ์ และเอช-1 โฉมใหม่ปี 2020 มาจัดแสดงเป็นครั้งแรก ทั้ง 2 รุ่นได้รับการออกแบบใหม่ และเพิ่มฟังค์ชันการใช้งานที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น เพื่อดึงดูดลูกค้าที่กำลังมองหาความพรีเมียม และความน่าเชื่อถือของรถยนต์อเนกประสงค์ขนาดใหญ่
นอกจากนี้ ยังนำรถสปอร์ทแฮทช์แบคในตำนานอย่าง ฮันเด เวโลสเตอร์ เทอร์โบ กลับมาให้ผู้บริโภคได้สัมผัสในงานกันอีกครั้ง ซึ่งจากกระแสการตอบรับจากต่างประเทศที่มียอดขายอย่างล้มหลาม เชื่อว่ารถสปอร์ทแฮทช์แบครุ่นนี้จะกลับมาได้รับความนิยมบนถนนในเมืองไทยอีกครั้ง เพราะรถทุกรุ่นที่ ฮันเด พัฒนา ล้วนแล้วแต่นำเอกลักษณ์ “โมเดิร์น และพรีเมียม” มาประกอบให้เห็นอย่างชัดเจน
ฮันเด เอช-1 และกแรนด์ สตาเรกซ์ โฉมใหม่ปี 2020 ได้รับการปรับเปลี่ยนทั้งภายใน และภายนอก เพียบพร้อมด้วยนวัตกรรมการขับขี่ที่สะดวกสบาย, ระบบความบันเทิงและอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่ได้เพิ่มการรองรับระบบ Apple CarPlay จอ LCD ติดเพดานขนาด 13.3 นิ้ว พร้อมช่องต่อ USB, HDMI และ Mirror Link สำหรับรุ่น กแรนด์ สตาเรกซ์ มีช่องต่อ USB, HDMI และ Mirror Link ที่เคาน์เตอร์บันเทิง เพื่อรองรับความสะดวกสบายในการเชื่อมต่ออุปกรณ์เพื่อความบันเทิงด้วยเช่นกัน รวมถึงระบบช่วงล่างใหม่เพิ่มความนุ่มนวลมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังมีที่ชาร์จโทรศัพท์มือถือแบบไร้สาย และช่องจ่ายไฟ USB สำหรับชาร์จอุปกรณ์ระหว่างเดินทางได้อีกด้วย
นอกจากนี้ ทั้ง 2 รุ่นได้รับการปรับโฉมด้วยกระจังหน้าดีไซจ์นใหม่ พร้อมชุดแต่งรอบคัน, ไฟส่องสว่างเวลากลางวัน (Daytime Running Light) รวมถึงล้ออัลลอยลายใหม่ ที่สะท้อนถึงความเป็นพรีเมียมของรถยนต์อเนกประสงค์ขนาดใหญ่ได้เป็นอย่างดี
เฉพาะรุ่น เอช-1 เอลีท มาพร้อมสีใหม่ เทาเข้ม สตีล กราไฟท์ และเพิ่มสีดำ ไทม์เลส บแลค ในรุ่น เอช-1 ทัวริง อีกด้วย และเพื่อเป็นการสนับสนุนการขาย ฮันเด เอช-1 และกแรนด์ สตาเรกซ์ จะยังคงราคาเดิมไว้โดย รุ่น เดอลุกซ์ ราคา 1,729,000 บาท, เอลีท ราคา 1,529,000 บาท และทัวริง ราคา 1,329,000 บาท กแรนด์ สตาเรกซ์ พรีเมียม ที่ราคา 2,399,000 บาท ส่วนรุ่น วีไอพี ราคา 2,349,000 บาท
ส่วนรถยนต์ไฮไลท์อีก 1 รุ่นที่นำมาจัดแสดง ได้แก่ ฮันเด เวโลสเตอร์ เทอร์โบ รถสปอร์ทแฮทช์แบคที่มอบความสนุกสนานในการขับขี่ และกำลังได้รับการกล่าวถึงกันอย่างแพร่หลาย
ฮันเด เวโลสเตอร์ ได้รับการออกแบบอย่างชาญฉลาด ผสมผสานการดีไซจ์นแบบสปอร์ทคูเปให้มีความคล่องตัวสูง ด้วยการเพิ่มประตูด้านข้างสำหรับผู้โดยสารด้านหลังแบบ 2+1 ทำให้ผู้โดยสารด้านหลังขึ้น/ลงรถได้สะดวกมากยิ่งขึ้น
ด้านหน้ารถตกแต่งด้วยไฟหน้าแอลอีดี และไฟส่องสว่างเวลากลางวัน (Daytime Running Lights) ที่ช่วยให้กระจังหน้าดูโดดเด่นยิ่งขึ้น พร้อมช่องดักลมบริเวณกระจังหน้า ช่วยลดแรงเสียดทานตามหลักอากาศพลศาสตร์ และดีไซจ์นที่ดูสปอร์ทดุดัน ล้ออัลลอยดีไซจ์นใหม่ขนาด 18 นิ้ว พร้อมฝาครอบดุมล้อดีไซจ์นพิเศษเป็นเอกลักษณ์เฉพาะรุ่น แนวหลังคาถูกออกแบบให้ลาดลงเป็นคุณลักษณะสำคัญของรถสปอร์ทคูเป ด้านท้ายติดตั้งดิฟฟิวเซอร์เพื่อให้อากาศไหลผ่านตัวรถได้สะดวก ไฟท้ายแบบ LED ให้ความรู้สึกพรีเมียมได้อย่างแท้จริง หลังคาโทนสีเข้มตัดกับสีภายนอกของตัวรถช่วยให้ดูสปอร์ท และโดดเด่นมากยิ่งขึ้น
ภายในตัวรถถูกออกแบบอย่างชาญฉลาด โดดเด่นไม่เหมือนใคร เน้นความคล่องตัวในการใช้งานของผู้ขับขี่เป็นหลัก
ฮันเด เวโลสเตอร์ เทอร์โบ มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 1.6 ลิตร เทอร์โบชาร์จ ไดเรคท์อินเจคชัน 4 สูบ ให้กำลังสูงสุด 204 แรงม้า ที่ 6,000 รตน. จับคู่กับระบบเกียร์แบบดูอัลคลัทช์ 7 จังหวะ สามารถควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ได้ที่พวงมาลัย โดยใช้ระบบควบคุมเกียร์แบบ Shifttronic ในรุ่นเทอร์โบ ผู้ขับขี่สามารถเลือกปรับโหมดการขับขี่ได้ถึง 4 แบบตามความต้องการ ได้แก่ Normal, Sport, Smart และ Eco
ระบบช่วงล่างด้านหน้าแบบแมคเฟอร์สันสตรัท ด้านหลังแบบอิสระ มัลทิลิงค์ ทำงานร่วมกับชอคอับแกส เพื่อให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ช่วยเพิ่มความนุ่มนวล และควบคุมการทรงตัวได้ดีในการขับขี่
ฮันเด เวโลสเตอร์ มาพร้อมระบบความปลอดภัยที่ช่วยเพิ่มความมั่นใจในการขับขี่ อาทิ ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตา (Blind Spot Warning Detection), ระบบช่วยตรวจจับความเคลื่อนไหวด้านหลังตัวรถ (Rear Cross Traffic Alert) และระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Cruise Control) เสริมความมั่นใจด้วยถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง ได้แก่ ถุงลมนิรภัยคู่หน้า,ด้านข้าง (เบาะคู่หน้า) และม่านถุงลมนิรภัย ช่วยลดแรงกระแทกจากการชนให้กับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร นอกจากนี้ ยังติดตั้งระบบเบรคเพื่อความปลอดภัย ได้แก่ ระบบป้องกันล้อลอค (ABS), ระบบเสริมแรงเบรค (BA) และระบบกระจายแรงเบรค (EBD)
ฮันเด เวโลสเตอร์ เพียบพร้อมด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัยและใช้งานง่าย ช่วยให้ผู้โดยสารสามารถเข้าถึงข้อมูล และอุปกรณ์ความบันเทิงได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว เชื่อมต่ออุปกรณ์สื่อสารผ่านหน้าจอสัมผัสแบบคมชัดขนาด 7 นิ้ว รองรับการใช้งานระบบ Android Auto และ Apple CarPlay พร้อมลำโพงเสียงคมชัด 6 ตำแหน่ง บริเวณกระจกหน้าติดตั้งหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ Heads-Up Display ช่วยให้ผู้ขับขี่ทราบข้อมูลสำคัญโดยไม่ต้องละสายตาจากถนน
สีภายนอกของ ฮันเด เวโลสเตอร์ เทอร์โบ เป็นแบบทูโทน หลังคามีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีดำ แฟนทอม บแลค และสีดำ ดาร์ค ไนท์ ตัวถังรถมีให้เลือก 7 สี ได้แก่ ฟ้า โคบอลท์ เอคลิพส์, เงิน เลค ซิลเวอร์, ส้ม แทงเจอรีน คอมเมท, ขาว ชอล์ค ไวท์, เทา สเปศ กเรย์, เหลือง ธันเดอร์ โบลท์, ดำ ดาร์ค ไนท์ และแดง อิกไนท์ ฟเลม
พบข้อเสนอพิเศษ ฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่ง เป็นเวลา 1 ปี เมื่อซื้อรถยนต์ ฮันเด ทุกรุ่นในงาน และรับข้อเสนอพิเศษเพิ่มเติมสำหรับรถยนต์พลังงานไฟฟ้า ฮันเด ไอโอนิก และฮันเด โคนา ฟรี รับประกันคุณภาพนาน 3 ปี และประกันคุณภาพแบทเตอรีนาน 8 ปี
COMMENTS